สรรพคุณสมุนไพรพืชสวนครัว
จัดทำโดย
1.นาย คมกฤช พันเลียว เลขที่2
2.นางสาว ธิดารัตน์ โมทารัตน์ เลขที่ 10
3.นางสาว สุวรรณรัตน์ รัตกร เลขที่ 15
4.นางสาว เกษร สมบูรณ์ เลขที่ 22
5.นางสาว กมลชนก สติภา เลขที่ 24
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1
โรงเรียนตานีวิทยา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต33
รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาค้นคว้ารายวิชา IS2 30202
การสื่อสารและการนำเสนอ communication and prefentation
ประจำภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา 2557
บทที่1
บทนำ
แนวคิดที่มาและความสำคัญ
ผักเป็นอาหารประจำวันของมนุษย์ เป็นแหล่งอาหารที่ให้แร่ธาตุวิตามินที่ให้ค่าอาหารสูง มีราคาถูก เมื่อเปรียบเทียบกับเนื้อสัตว์นอกเหนือจากการประหยัดเงินแล้ว ยังทำให้เรามั่นใจได้อย่างเต็มที่ว่าเราได้รับประทานผักที่สะอาด คณะผู้จัดทำจึงเลือกที่จะศึกษาสรรพคุณพืชสมุนไพรพืชสวนครัว เพื่อให้ทุกท่านได้ทราบถึงคุณประโยชน์ของพืชสวนครัวแต่ละชนิด ทั้งได้รับความสนุกสนานที่ศึกษาค้นคว้าและใช้ประโยชน์เป็นสื่อการเรียนการสอนและยังทำให้ผู้ศึกษามีความกระตือรือร้นมากขึ้นอีกด้วย
วัตถุประสงค์
รายงานเรื่อง สรรพคุณสมุนไพรพืชสวนครัว มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาดังนี้
1.เพื่อให้ทราบถึงคุณประโยชน์ของสมุนไพรแต่ละชนิด
2.เพื่อให้ผู้ศึกษามีความกระตือรือร้นในการเรียนมากขึ้น
3.เพื่อให้เกิดความสามัคคีในกลุ่ม
ระยะเวลาและสถานที่ดำเนินการ
รายงานเรื่อง สรรพคุณสมุนไพรพืชสวนครัว ใช้ระยะเวลาในการศึกษาตั้งแต่ วันที่ 22 เดือนพฤศจิกายนพ.ศ. 2556
ถึงวันที่ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2556
สถานที่ดำเนินการ โรงเรียนตานีวิทยา
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1.ผู้เรียนได้ทราบคุณประโยชน์ของสมุนไพรแต่ละชนิด
2.สามารถนำมาใช้ในการศึกษาโรคได้อย่างถูกต้อง
บทที่2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
รายงานเรื่อง สรรพคุณสมุนไพรพืชสวนครัว ผู้จัดทำได้มีการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1.สรรพคุณสมุนไพรพืชสวนครัว
เรื่อง โหระพา
ส่วนที่ใช้: ใบ ผลและราก
ส่วนประกอบ: คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินเอ /บี1/บี2/ซี น้ำมันหอมระเหยต่างๆเช่น โอซิมีน ไพนีน ยูคาลิปตอล เมล็ดมีเมือกหุ้มคล้ายเมล็ดแมงลัก
สรรพคุณและวิธีใช้: ใช้เป็นยาขับลม ช่วยย่อยอาหาร รักษาโรคหวัด ปวดศีรษะ ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องร่วง แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน
-ผลแก่ ใช้กินเป็นยาระบาย
-ทั้งต้น มีสารต้านมะเร็ง แก้สิว แก้ไข้ หวัด แก้ไอ แก้พิษฝีช่วยย่อยและเจริญอาหาร ช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกัน
-นำใบแห้งมาต้มประมาณ 2-3 ช้อนชา กับน้ำเดือด 1ถ้วยดื่มวันละ3ถ้วย จะช่วยสร้างภูมิต้านทานต่อโรคภัยไข้เจ็บได้
*เด็กที่ปวดท้อง ใช้ใบโหระพาประมาณ 20 ใบ ชงกับน้ำร้อนทิ้งไว้สักครู่นำมาให้เด็กดื่ม ปลอดภัยกว่าการใช้ยาขับลมที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
*น้ำมันโหระพาสกัด ยังมีคุณสมบัติฆ่าและไล่แมลงวันและยุงได้
เรื่อง หอมหัวใหญ่ หอมฝรั่ง
ส่วนที่ใช้: หัว
ส่วนประกอบ: มีสารจำพวก อัลลิลิกไดซัลไฟด์มีสาร สำคัญเช่นเดียวกับหอมหัวเล็ก
สรรพคุณและวิธีใช้: ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ น้ำคั้นจากหัวช่วยลดการอักเสบ ลดความดันเลือด ช่วยย่อยแลควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มปริมาณโคเลสเตอรอลชนิดดี ช่วยลดระดับไขมันในเลือด มีสารต้านมะเร็ง
-ให้กินสดๆวันละประมาณ ¼ หัว 2-4 ครั้งต่อวัน ควรทุบให้ละเอียดก่อนทานทุกวันเป็นประจำจะเห็นผลในการช่วยควบคุมั
-ช่วยขจัดสารตะกั่วและโลหะหนักที่ปนเปื้อนกับอาหารแล้วสะสมอยู่ในร่างกาย
-แม่ที่กำลังให้นมลูกควรงด เพราะจะทำให้เด็กร้องไห้แบบโคลิกได้
-เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งและเบาหวานใช้ทานเป็นประจำ
เรื่อง หอมหัวเล็ก หอมหัวแดง
ส่วนที่ใช้: หัว ลำต้น ใบ
ส่วนประกอบ: คาร์โบไฮเดรต เส้นใย โปรตีน อาหาร แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินเอ /บี1/บี2/ไนอาซีน/ซี กากใบและใบสด มีสารพวกฟลาโวนอยด์ เช่น เคอเซติน สารสปิเรโลไซด์ และสารประกอบอินทรีย์กำมะถันหลายชนิดสารที่สำคัญได้แก่ เมทิล โปรฟิลไดซัลไฟด์และอัลลิลิกไดซัลไฟด์
สรรพคุณและวิธีใช้: แก้ไข้ ขับลม ขับเหงื่อ ลดอาการคัดจมูกแก้โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ช่วยลดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดมีสารต้านมะเร็ง และมีสารต้านมะเร็งอนุมูลอิสระที่ดีมาก
หัว บำรุงเส้นผมให้งอกงาม ป้องกันรังแค บรรเทาอาการผมร่วง ผิวหนังสดชี่น แก้ร้อนใน บำรุงธาตุ ขับเสมหะ ผสมเหล้าพอกบริเวณถูกแมลงกัดต่อย
เรื่อง แตงกวา
ส่วนที่ใช้: ผลและเมล็ดอ่อน
ส่วนประกอบ: คาร์โบไฮเดรต เส้นใย โปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินเอ /บี1/บี2/ไนอาซีน/ซี มีเร็ปซิน
มีกรดอะมิโนหลายชนิด: และมีสาระสำคัญมีปริมาณสารซิลิคอนและฟลูออไรด์สูง มีสารสเตอรอลมากบริเวณเปลือก
สรรพคุณและวิธีใช้: มีวิตามินบี1มีสรรพคุณฝาดสมานเสริมการทำงานของระบบปราสาท ช่วยความจำลดอาการนอนไม่หลับแก้ระหายน้ำ มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง ขับปัสสาวะ แก้อาการขัดเบา ลดอาการเหี่ยวย่นช่วยทำให้ผิวสดใสนุ่มนวล เอนไซม์อีเร็ปซินจะช่วยย่อยผิวหนังที่หยาบกร้านให้หลุดออกไป ทำให้ผิวนุ่มยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงเส้นผมและเล็บ
-ใบและเมล็ดแก่ ใช้เป็นยาขับถ่ายพยาธิ
*แตงกวามีพลังงานและสารอาหารน้อยมาก ไม่มีไขมันและไม่มีโคเลสเตอรอลเหมาะสำหรับการควบคุมน้ำหนัก ไม่ควรทานแทนผักเพียงชนิดเดียว
เรื่อง มะระจีน
ส่วนที่ใช้: ยอดอ่อน และผลอ่อน ใบ ราก และเถา
ส่วนประกอบ: คาร์โบไฮเดรต เส้นใย โปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินเอ /บี1/บี2//ซีมีสรรพคุณพวก ไมเมอร์ดิซีน เช่น โมเมอร์ดิโคไซด์เค และแอล ลดระดับน้ำตาลในเลือดได้แก่ พี-อินซูลิน
สรรพคุณและวิธีใช้:
-ใบ ต้มดื่ม แก้ไข้หวัด บำรุงน้ำดี ดับพิษฝี แก้ปากเปื่อย แก้ตับ ม้ามพิการ แก้อักเสป ฟกช้ำบวม ใช้ทาภายนอก แก้ผิวแห้ง ลดอาการระคายเคือง อักเสป
-ผลสุก มีซาโปนิน ไม่ควรกินจะทำให้คลื่นไส้อาเจียนได้-เมล็ด รสขมจัด ขับพยาธิตัวกลม
เรื่อง ตะไคร้
ส่วนที่ใช้: ลำต้น ใบ และเหง้า
ส่วนประกอบ: มีน้ำมันหอมระเหยระหว่าง0.2-0.4%ประกอบด้วยซิตรัส 80% เมอร์ซีน เมนทอล การบูร เทนพินิล เอรานิออล เนรัล ฟาร์นีซาล และซิโตรเนลลอล เป็นต้น
สรรพคุณและวิธีใช้: ใช้เป็นยาขับลม แก้ท้องอืด แก้ท้องเฟ้อ ขับเหงื่อ ลดความร้อนในร่างกาย สารซิทราลและเมอร์ซีนมีฤทธิ์ต้านและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรียบางชนิด บำรุงไต บำรุงหัวใจ และมีสารต้านมะเร็ง
-ใบ ลดความดันโลหิต แก้ไข้ น้ำมันตะไคร้ 2.5% ต้านเชื้อกลากได้ดี
-เหง้า ตากแห้งนำมาประมาณ 5 กรัมชงกับน้ำร้อน 1แก้ว ดื่มก่อนอาหาร เช้า-เย็น
*ข้อควรระวัง
-อย่าใช้มาก เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้
-ไม่ใช้ในขณะตั้งครรภ์
-ไม่ใช้กับเด็กอ่อนและเด็กเล็ก
*ตะไคร้หอม ไม่นิยมนำมาปรุงแต่งอาหาร ใช้สกัดน้ำมันหอมระเหยจากใบและเหง้านำมาใช้ไล่แมลงได้ดี
เรื่อง มะเขือเทศ
ส่วนที่ใช้: ใบ ผลและราก
ส่วนประกอบ: ใบและต้นมีสาร tomarine และ Solanine ผลมีสารแคโรทีนอยด์สีแดงชื่อ ไลโคปีน กลูต้าไฮโอน กรดพีคูมาริก กรดคลอดเจนิก วิตามินเอ/ซีสูง วิตามินอี แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก โพแทสเซียม ส้นใยอาหาร และกรดซิตริกเป็นต้น
สรรพคุณและวิธีใช้: ใบนำมาตำใช้ทาหรือพอก แก้ผิวหน้าถูกแดดเผา ผลแก้ระหาย ระบายท้อง เจริญอาหารช่วยขับพิษบำรุงร่างกายกระตุ้นกระเพาะอาหาร ลำไส้ สารไลโคปีคล้ายเบต้าคาโรทีนแต่แรงกว่า 2 เท่า เสริมสร้างภูมิต้านทานป้องกันผิวหนังเหี่ยวย่นป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากน้ำมะเขือเทศที่ผ่านกระบวนการปรุงแต่งขึ้นต้นแล้วมีสารไลโคปีนมากกว่าในลูกสดๆไลโคปีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเป็นสารต้านมะเร็งเหมาะสำหรับคนที่เบื่ออาหารคนที่มีปัญหาที่ตับ อ่อนเพลียช่วยให้สายตาดี รากต้มกินแก้ปวดฟัน เอาส่วนน้ำมาล้างแผลและโรคอ้วน ช่วยการทำงานของระบบปราสาท
*การทานมะเขือเทศมากเกินไป เกิน10ผลต่อวัน ติดต่อกันเป็นเดือนอาจทำให้เกิดอาการฝ่ามือฝ่าเท้าเป็นสีแดง แก้ไขได้โดยรีบทานธาตุเหล็กเสริม สีจะค่อยๆจางหายไป
เรื่อง มะเขือพวง
ส่วนที่ใช้: ผลอ่อน ลำต้น ใบ เมล็ด ราก
ส่วนประกอบ: คาร์โบไฮเดรต เส้นใย โปรตีน 2.8% แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินเอ /บี1/บี2//ซี ไนอาซิน ใบ มีสารจำพวกสเตียรอยด์ ราก มีสารนิโอโคลดรเจนินและอัลลอยด์ จูรูบีน
สรรพคุณและวิธีใช้: ผลแก้ไอ ขับเสมหะ ช่วยย่อยอาหารแก้เบาหวาน ให้คุณประโยชน์สำหรับผู้ที่มีตับและม้ามผิดปกติคั้นเอาน้ำผสมเกลือใช้อมแก้ไอ
ราก ใช้ตำพอกแก้เท้าแตก
ลำต้น ช่วยย่อยอาหาร ขับเสมหะ แก้ปวด ฟกช้ำ
ใบสด แก้ฝีบวมมีหนอง สงบประสาท แก้ปวด ชัก ไอ หืด ขับปัสสาวะ ขับเหงื่อ
เมล็ด เผาไฟสูดดมแก้ปวดฟัน
เรื่อง กระถิน
ส่วนที่ใช้: ยอดอ่อน ใบอ่อน เมล็ดอ่อน และราก
ส่วนประกอบ: พลังงาน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินเอ /บี1/บี2/ ไนอาซิน วิตามินซี ซึ่งสามารถดูดสารซีลิเนียม จากดินมาสะสมไว้ในเมล็ดได้มาก
สรรพคุณและวิธีใช้: ดอก บำรุงตับแก้เกล็ดกระดี่ขึ้นตก
ราก ขับระดูขาวเป็นยาอายุวัฒนะ
ใบ มีโปรตีนสูงหากกินเป็นจำนวนมากจะทำให้ขนร่วงและมีรายงานว่าหากกินมากอาจทำให้เป็นหมันแต่มีโปรตีนสูงจึงนำมาเป็นส่วนผสมอาหารให้สัตว์เลี้ยงเป็นยาแก้ท้องร่วง สมานแผล
เรื่อง ผักชี
ส่วนที่ใช้: ใบ ก้านและลูก
ส่วนประกอบ: ใบสดมีโปรตีน เส้นใย ฟอสฟอรัส เบต้าคาโรทีน ลูกผักชีมีน้ำมันหอมระเหย ประกอบด้วยสารไลนาโลออลเป็นส่วนใหญ่ในผล มีน้ำมันไม่ระเหย 13%มีสาระสำคัญชื่อ โคริแอนครอล มีแทนนิลและแคลเซียมออกซาเลทและมีสารเอสโตรเจน
สรรพคุณและวิธีใช้: ช่วยย่อย บำรุงกระเพาะ เจริญอาหารขับลม ขับพิษลดน้ำตาลในเลือด แก้โรคหัด ฟอกทาแก้ผื่นคัน แก้ไฟลามทุ่ง แก้อักเสบ ลดการปวดบวม แก้อาหารเป็นพิษมีสารต้านมะเร็งต้านเชื้อราและแบคทีเรีย
ลูกผักชี แก้พิษตานซาง แก้ลมวิงเวียน แก้ขับถ่ายเป็นเลือด แก้ริดสีดวงทวาร ต้มน้ำอาบเมื่อเป็นหัด
ราก เป็นกระสายยา แก้หัด สุกใส ดำแดง
กากลูกผักชี สกัดเอาน้ำมันออกแล้ว มีโปรตีนใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ดีใช้ในการทำแชมพูสระผมและน้ำมันนวดตัว
ผงลูกผักชีบด ใช้โรยแผลกันเชื้อฝีหนองได้
บทที่3
วิธีการดำเนินงาน
ขั้นตอนการดำเนินงาน
1.ผู้ศึกษานำเสนอหัวข้อโครงงานต่ออาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อขอคำแนะนำและกำหนดขอบเขตในการทำโครงงาน
2.ผู้ศึกษาร่วมกันประชุมวางแผนวิเคราะห์ตามหัวข้อโครงงาน
3.ผู้ศึกษาร่วมกันศึกษาค้นคว้าจากหนังสือเรียนและสื่อต่างๆและจากอินเตอร์เน็ต
4.ศึกษาและเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับโครงงานเพื่อมาวิเคราะห์และสรุปเนื้อหาทสำคัญที่จะนำมาจัดทำโครงงาน
5.นำเสนอผลงานต่ออาจารย์ที่ปรึกษา
6.จัดทำคู่มือเพื่อใช้สำหรับศึกษาและรายงานต่ออาจารย์ที่ปรึกษา
บทที่4
ผลการดำเนินการ
รายงานเรื่อง สรรพคุณสมุนไพรพืชสวนครัว มีผลการดำเนินการ ดังนี้
สมุนไพร หมายถึง พืชที่มีสรรพคุณรักษาโรคหรือยาการเจ็บป่วยต่างๆการใช้สมุนไพรสำหรับรักษาโรคหรือยาการเจ็บป่วยต่างๆนี้ จะต้องเอาสมุนไพรตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปมาผสมรวมกันซึ่งจะเรียกว่า ‘ยา’ใช้ตำหรับนอกจากสมุนไพรแล้วยังประกอบด้วยเนื้อสัตว์หรือแร่ธาตุเป็นส่วนประกอบของยานี้ว่า’เภสัชวัตถุ’พืชสมุนไพรบางชนิดเช่น แร่ กระวาน กานพลู เป็นต้น
บทที่5
สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ
รายงานเรื่อง สรรพคุณสมุนไพรพืชสวนครัว มีผลการดำเนินการ ดังนี้
สรุป
การจัดทำรายงานเรื่อง สรรพคุณสมุนไพรพืชสวนครัว สามารถสรุปได้ดังนี้
1.มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของพืชสมุนไพร
2.มีความกระตือรือร้นในการเรียนมากขึ้น
3.เกิดความสามัคคีในกลุ่ม
อภิปรายผล
การจัดทำรายงานเรื่อง สรรพคุณสมุนไพรพืชสวนครัว สามารถอภิปรายผลได้ดังนี้
จากการศึกษาค้นคว้าโครงงานเรื่อง สรรพคุณสมุนไพรพืชสวนครัว
สมุนไพร หมายถึง พืชที่มีสรรพคุณรักษาโรคหรือยาการเจ็บป่วยต่างๆการใช้สมุนไพรสำหรับรักษาโรคหรือยาการเจ็บป่วยต่างๆนี้ จะต้องเอาสมุนไพรตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปมาผสมรวมกันซึ่งจะเรียกว่า ‘ยา’ใช้ตำหรับนอกจากสมุนไพรแล้วยังประกอบด้วยเนื้อสัตว์หรือแร่ธาตุอีกด้วย
ข้อเสนอแนะ
การจัดทำรายงานเรื่อง สรรพคุณสมุนไพรพืชสวนครัว มีข้อเสนอแนะ ดังนี้
จากการศึกษาค้นคว้าโครงงานเรื่อง สรรพคุณสมุนไพรพืชสวนครัว มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโครงงานคือ
1.เนื่องจากเนื้อหาของสรรพคุณสมุนไพรพืชสวนครัว อาจมีจำนวนมากในการศึกษาครั้งนี้ผู้ศึกษาอาจหรือยกเนื้อหาของสรรพคุณสมุนไพรพืชสวนครัว
2.ควรมีการจัดทำเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เผยแพร่ทางเว็บไซต์ในโอกาสต่อไป
3.นำผลจากการศึกษาสรรพคุณสมุนไพรพืชสวนครัว ไปสร้างเป็นสื่อในรูปแบบต่างๆ
บรรณานุกรม
สรรพคุณสมุนไพรพืชสวนครัว. สิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร มปป.
คมกฤช : นักเรียนมีเหตุผลใดจึงเลือกที่จะศึกษาเรื่องนี้
ตอบลบก็เห็นข้างๆบ้านอยู่ทุกวัน เลยอยากรู้ว่ามีประโยชน์หรือไม่ ก็เลยสนใจที่จะศึกษาเรื่องนี้ครับ
ลบธิดารัตน์ : ก่อนศึกษาและหลังจากศึกษาเรื่องนี้นักเรียนมีความรู้อย่างไรบ้าง
ตอบลบรู้ว่าสมุนไพรที่อยู่ตามบ้านและที่เห็นทุกวันมีประโยชน์ในการรักษาโรคต่างๆได้มาก
ลบสุวรรณรัตน์ : ที่บ้านนักเรียนมีพืชสมุนไพรอะไรบ้างและยกตัวอย่างสรรพคุณของพืชสมุนไพรนั้น
ตอบลบมีโหระพา ผักชีและตะไคร้
ลบ1.โหระพา ใช้เป็นยาขับลม ช่วยย่อยอาหาร รักษาโรคหวัด ปวดศีรษะ ท้องอืด
2.ผักชี ช่วยย่อย บำรุงกระเพาะ เจริญอาหารขับลม ขับพิษลดน้ำตาลในเลือด แก้โรคหัด ฟอกทาแก้ผื่นคัน แก้ไฟลามทุ่ง แก้อักเสบ
3.ตะไคร้ ใช้เป็นยาขับลม แก้ท้องอืด แก้ท้องเฟ้อ ขับเหงื่อ ลดความร้อนในร่างกาย
เกษร : นักเรียนึคิดว่าสมุนไพรไทยกับยาปัจจุบันอันไหนรักษาดีกว่ากันจงอธิบาย
ตอบลบสมุนไพรไทย เพราะ การใช้สมุนไพรไม่ค่อยเป็นพิษหรือมีอาการข้างเคียงมาก ยังมีราคาถูกกว่ายาปัจจุบันมาก นอกจากนี้ สมุนไพรบางชนิดสามารถปลูกเองในครอบครัวได้อีกด้วย
ลบกมลชนก : ถ้านักเรียนไม่สบายนักเรียนจะเลือกรักษาแบบใดระหว่างสมุนไพรกับยาปัจจุบันเพราะอะไร
ตอบลบสมุนไพร เพราะ เมื่อเราไม่สบายเราก็สามารถหาได้ตามรอบๆบ้าน และก็ยังหาได้ง่าย ไม่เป็นอันตราย
ลบ