การละเล่นของเด็กไทย
(Childre’s Play
Thailand)
โดย
1.นายชัยวิสิทธิ์ กระแสเทพ
เลขที่ 2
2.นายพีระพงษ์ ทรงราศี เลขที่ 8
3.นางสาวนุชนารถ ผดุงแดน เลขที่ 16
4.นางสาวพรรณธิชา พรชัย
เลขที่ 17
5.นางสาวศิริพร ช่วยรัมย์
เลขที่ 21
6.นางสาวสุธาสินี แสนกล้า
เลขที่ 24
7.นางสาวฐิติมา ทุนดี เลขที่ 27
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่
4/4
โรงเรียนตานีวิทยา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต
33
รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกาค้นคว้ารายวิชา I30202 การสื่อสารและการนำเสนอ(Communication and Presentation)
ประจำภาคเรียนที่ 2
ปีการศึกษา 2556
การละเล่นของเด็กไทย
(Childre’s Play
Thailand)
โดย
1.นายชัยวิสิทธิ์ กระแสเทพ
เลขที่ 2
2.นายพีระพงษ์ ทรงราศี เลขที่ 8
3.นางสาวนุชนารถ ผดุงแดน เลขที่ 16
4.นางสาวพรรณธิชา พรชัย
เลขที่ 17
5.นางสาวศิริพร ช่วยรัมย์
เลขที่ 21
6.นางสาวสุธาสินี แสนกล้า
เลขที่ 24
7.นางสาวฐิติมา ทุนดี เลขที่ 27
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่
4/4
โรงเรียนตานีวิทยา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต
33
ครูที่ปรึกษา
นางปัณพิชชา บรรเลง
กิตติกรรมประกาศ
รายงานเรื่อง การละเล่นของเด็กไทย(Children’s Play
Thailand)ฉบับนี้ได้รับการสนับสนุนจาก นายสมโภชน์
สุขเจริญ ผู้อำนวยการโรงเรียนตานีวิทยา และ พ่อ แม่ เพื่อน คุณครู
ผู้จัดทำขอกราบขอบพระคุณท่านมา ณ โอกาสนี้
ขอขอบพระคุณ นางปัณพิชชา บรรเลง ครูที่ปรึกษาที่ได้ให้คำแนะนำ และคอยช่วยเหลือการจัดทำรายงานสำเร็จลุล่วงและขอขอบคุณคะครูทุกท่านที่ให้ความช่วยเหลือและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์
ขอขอบพระคุณบิดามารดาของคณะผู้จัดทำที่ให้การสนับสนุนในการศึกษาเล่าเรียนและคอยเป็นกำลังใจให้เสมอมา
คณะผู้จัดทำ
สารบัญ
หน้า
บทที่
1
บทนำ.................................................................................................................................................1
แนวคิดที่มาและความสำคัญ................................................................................................................1
วัตถุประสงค์.........................................................................................................................................1
ระยะเวลาและสถานที่ดำเนินการ..........................................................................................................1
ผลที่คาดว่าจะได้รับ..............................................................................................................................1
บทที่
2
เอกสารอ้างอิง.....................................................................................................................................2
การละเล่นของเด็กไทย.........................................................................................................................2
การเล่นหมาเก็บ....................................................................................................................................2
มอญซ่อนผ้า..........................................................................................................................................3
ลิงจับหลัก(ลิงชิงหลัก)..........................................................................................................................3
วิ่งเปี้ยว..................................................................................................................................................4
ลิงชิงบอล.............................................................................................................................................4
ขี่ม้าส่งเมือง..........................................................................................................................................5
ม้าก้านกล้วย.........................................................................................................................................5
การละเล่นเป่ากบ.................................................................................................................................5
การละเล่นว่าว......................................................................................................................................6
บทที่
3
วิธีการดำเนินงาน...............................................................................................................................7
บทที่
4 ผลการดำเนินงาน...............................................................................................................................8
บทที่
5
สรุปอภิปรายและข้อเสนอแนะ.........................................................................................................10
สรุปผลการศึกษา................................................................................................................................10
อภิปรายผล.........................................................................................................................................10
ข้อเสนอแนะ.......................................................................................................................................10
บรรณานุกรม................................................................................................................................................11
ภาคผนวก.....................................................................................................................................................12
1
บทที่ 1
บทนำ
แนวคิดที่มาและความสำคัญ
ในปัจจุบันการละเล่นของเด็กไทยนั้นได้เริ่มสูญหายไปจากคนไทย
การละเล่นของเด็กไทยในปัจจุบันมีไว้แค่เพื่อแสดงโชว์เวลามีงานหรือมีกิจกรรมเพื่อให้ชาวต่างชาติดูเท่านั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าเคลือบแครงใจเป็นอย่างมากเพราะเด็กไทยในปัจจุบันเลิกสนใจการละเล่นพื้นบ้านกลับไปสนใจนวัตกรรมใหม่และโลกเทคโนโลยีการสื่อสาร
วัตถุประสงค์
-เพื่อศึกษาเกี่ยวกับการละเล่นของเด็กไทย
-เพื่อต้องการให้เด็กไทยหันมาสนใจการละเล่นของเด็กไทยมากขึ้น
-เพื่อต้องการให้เด็กไทยใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
ระยะเวลาและสถานที่ดำเนินการ
รายงานเรื่อง
การละเล่นของเด็กไทย ใช้ระยะเวลาในการศึกษาค้นคว้าตั้งแต่วันที่ 22 เดือน
พฤศจิกายน พ.ศ.2556 ถึงวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ.2556 สถานที่ดำเนินการ ได้แก่
โรงเรียนตานีวิทยา
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1.ความรู้เกี่ยวกับความหมายและการละเล่นของเด็กไทย
2.ความสำคัญของการละเล่นของเด็กไทย
3.การละเล่นของเด็กไทยมีอะไรบ้าง
4.วิธีการเล่นหมากเก็บ
2
บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
การละเล่นของเด็กไทย
การละเล่นของเด็กไทยเท่าที่ปรากฏเป็นหลักฐานที่มีมาแต่สมัยสุโขทัยแต่ที่ปรากฏในบทละครเรื่องมโนราครั้งกรุงศรีอยุธยาคือ
การเล่นว่าว ลิงชิงเสา ปลาลงอวน
การละเล่นของไทยแต่เดิมมาและบางอย่างยังคงปรากฏอยู่จนทุกวันนี้หากมีการสืบทอดวิธีการเล่นบางอย่างที่ดีงามให้เข้ากับยุคสมัยก็จะเป็นประโยชน์แก่สังคมไทยไม่เฉพาะแต่การพัฒนาบุคคลเท่านั้นยังช่วยพัฒนาสังคมอีกด้วย
การละเล่นของเด็กไทย หมายถึง
การเล่นดั้งเดิมของเด็กและผู้ใหญ่เพื่อความบันเทิงใจทั้งที่เป็นการเล่นที่มีกติกาและไม่มีกติกา
ไม่มีบทร้องประกอบหรือมีบทร้องประกอบให้จังหวะ
บางทีก็มีท่าเต้นท่ารำประกอบเพื่อให้งดงามและสนุกสนานมากขึ้นทั้งผู้เล่นและผู้ชมมีส่วนร่วมสนุก
การเล่นหมากเก็บ
จำนวนผู้เล่น
2-4 คน
อุปกรณ์
1.ก้อนกรวด 2.กระดานไม้
วิธีเล่น ใช้ก้อนกรวดที่มีลักษณะกลมๆ 5
ก้อนเสี่ยงทายว่าใครจะเล่นก่อนโดยวิธีขึ้นร้านคือ ถือหมากทั้ง 5
เม็ดไว้แล้วโยพลิกหงายหลังมือรับแล้วพลิกมือกลับรับอีกทีใครเหลือหินอยู่ในมือมากที่สุดคนนั้นเล่นก่อนมีทั้งหมด
5 หมาก หมากที่ 1 ทอดหมากให้ห่างๆกันเลือกลูกนำไว้ 1
เม็ดควรใช้เม็ดกรวดที่ห่างกันที่สุดโยนเม็ดนำขึ้นแล้วเก็บทีละเม็ดพร้อมกับรับลูกนำที่หล่นลงมาให้ได้ถ้ารับไม่ได้ถือว่าตายขณะหยิบถ้ามือไปถูกเม็ดอื่นก็ถือว่าตาย
หมากเก็บที่ 2 เก็บทีละ 2 เม็ด หมากที่ 3 เก็บทีละ 3 เม็ด หมากที่ 4 ใช้โปะไม่ทอด
คือ
ถือหมากทั้งหมดไว้ในมือโยนลูกนำขึ้นแล้วโปะเม็ดที่เหลือลงพื้นแล้วรวมทั้งหมดที่ถือไว้
ขึ้นร้านได้กี่เม็ดเป็นแต้มของคนนั้นถ้าขึ้นร้านเม็ดหล่นหมดใช้หลังมือรับไม่ได้ถือว่าตายไม่ได้แต้มคนอื่นเล่นต่อไปถ้าใครตายหมากไหนก็เริ่มต้นหมากนั้นส่วนมากกำหนดแต้ม
50-100
แต้มเมื่อแต้มใกล้จะครบเวลาขึ้นร้านต้องคอยระวังไม่ให้เกินแต้มที่กำหนดถ้าเกินไม่เท่าไรหมายความว่าต้องเริ่มต้นใหม่โดยได้แต้มที่เกินไปนั้นวิธีเล่นหมากเก็บนี้พลิกแพลงหลายอย่างเช่นโยนลูกนำขึ้นเก็บทีละเม็ดเมื่อเก็บได้เม็ดหนึ่งก็โยนขึ้นพร้อมกับลูกนำ
2-3-4 เม็ดตามลำดับหมาก 2-3-4
ก็เล่นเหมือนกันโยนขึ้นทั้งหมดเรียกว่าหมากพวกถ้าโยนลูกนำขึ้นเล่นหมาก
1-2-3-4แต่พลิกข้างมือขึ้นรับลูกนำให้เข้าในมือระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้โดยทำเป็นรูปวงกลมเตรียมไว้เรียกหมากจุ๊บถ้าใช้มือข้างซ้ายป้องและเขี่ยหมากให้เข้าในมือนั้นทีละลูกในหมาก
1-2-3และ
4ตามลำดับเรียกว่าอีกาเข้ารังถ้าเขี่ยไม่เข้าจะตายถ้าใช้นิ้วกลางกับนิ้วหัวแม่มือยันพื้นนิ้วอื่นปล่อยทำเป็นรูปซุ้มประตูเขี่ยหมากออกเรียกว่าอีกาออกรังถ้าใช้นิ้วกลางกับนิ้วหัวแม่มือขดเป็นวงกลมนิ้วชี้ชี้ตรงนิ้วนอกนั้นยันพื้นเป็นรูปรูปูเรียกว่ารูปูเมื่อจบเกมการเล่นแล้วจะมีการกำทายผู้ชนะจะทายผู้แพ้ว่ามีกี่เม็ดถ้าทายผิดจะต้องถูกเขกเข่า
3
กี่ทีตามที่ตนเองทายจนเหลือเม็ดสุดท้ายคนทายจะถือเม็ดไว้ในมือแล้ววนพร้อมกับร้องเพลงประกอบเมื่อร้องจบเอวมือหนึ่งกำไว้งอข้อศอกขึ้นต้องบนมือที่กำอีกข้างหนึ่ง
บทเพลงร้องประกอบคือ
ตะลึงตึงตัง ข้างล่างห้า ข้างบนสิบ
มอญซ่อนผ้า
จำนวนผู้เล่น
8-12 คน
อุปกรณ์
1.ผ้าหรือผ้าเช็ดหน้า
วิธีเล่น ให้ผู้เล่นนั่งเป็นวงกลมทั้งสองฝ่ายนั่งคละสลับกันโดยปกติถ้าแบ่งเป็นชายฝ่ายหนึ่งหญิงฝ่ายหนึ่งจะให้ฝ่ายชายเป็นผู้ถือผ้าก่อนโดยให้ตัวแทนฝ่ายชายหนึ่งหรือ
2คนแล้วแต่ว่าจะมีผ้าอยู่ในกลุ่มของตนกี่ผืนยืนอยู่อกวงหรือจะให้ฝ่ายหญิงออกมาถือผ้าคละรวมกับฝ่ายชายด้วยก็ได้แต่จะต้องมีจำนวนผู้เล่นที่ออกมาฝ่ายละเท่ากันผู้เล่นที่นั่งอยู่ในวงต้องนั่งอยู่เฉยๆจะหันไปมองผู้ที่ถือผ้าอยู่นอกวงไม่ได้หรืจะบอกผู้หนึ่งผู้ใดที่ถูกซ่อนผ้าอยู่ไม่ได้ให้ผู้เล่นที่ถือผ้าอยู่นอกวงนั้นเดินรอบวงแล้วให้หาที่ซ่อนลูกตูมโดยซ่อนไว้ที่ข้างลำตัวของผู้เล่นทั่งอยู่เป็นผู้เล่นคนละฝ่ายกันหรืผู้เล่นเพศตรงข้ามแล้วเดินวนไปเรื่อยๆจนมาถึงตัวผู้ที่ถูกซ่อนลูกตูมเอาไว้ให้ตีผู้ที่ถูกซ่อนลูกตูมเอาไว้ให้ตีผู้ที่ถูกซ่อน
1
ทีด้วยลูกตูมแล้ววิ่งหนีหรือถ้าผู้เล่นที่ถูกซ่อนรู้สึกตัวให้วิ่งไล่ผู้เล่นที่นำลูกตูมมาวางแล้วพยายามให้ลูกตูมตีผู้เล่นผู้นั้นให้ได้ผู้เล่นที่นำลูกตูมไปซ่อนไว้ก็จะต้องวิ่งหนีรอบวงและพยายามวิ่งไปนั่งแทนที่ของผู้ที่ตนนำลูกตูมไปซ่อนเอาไว้ให้ได้ถ้าถูกตีเสียก่อนจักต้องมาทำหน้าที่เช่นเดิมแต่ถ้าวิ่งหนีไปนั่งทันผู้ที่ถูกซ่อนลูกตูมจักต้องทำหน้าที่แทนในการเล่นรอบต่อไปผู้ที่ถือลูกตูมจะต้องเดินหรือวิ่งไปรอบทางในทางเดียวกันผู้เล่นที่นั่งจะต้องนั่งเฉยๆไม่สามารถลุกเดินมือเปล่าไปมาได้หรือห้ามมองผู้เล่นที่เดินถือลูกตูมเมื่อผู้เล่นเดินจบครบรอบแล้วจะต้องซ่อนลูกตูมไว้ข้างหลังผู้เล่นที่นั่งอยู่แต่ต้องไม่ให้ลูกตูมอยู่ห่างจากตัวมากนักจะต้องซ่อนข้างหลังฝ่ายตรงข้ามเท่านั้นจะซ่อนฝ่ายเดียวกันไม่ได้เช่นถ้าแบ่งเป็นฝ่ายหญิงและฝ่ายชายฝ่ายชายจะต้องซ่อนฝ่ายหญิงและฝ่ายหญิงจะต้องซ่อนฝ่ายชายเมื่อซ่อนแล้วจะต้องวิ่งหนีไปรอบๆวงกลมจะวิ่งย้อนทางหรือตัดวงไม่ได้อำนาจการตัดสินจะตกอยู่กับผู้ที่ถือลูกตูมเป็นหลักถ้าลูกตูมตกอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทั้งหมดอำนาจการตัดสินชี้ขาดจะตกอยู่กับฝ่ายนั้น
ลิงจับหลัก(ลิงชิงหลัก)
จำนวนผู้เล่น
เล่นได้ตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป
อุปกรณ์
1.ไม้หลักจำนวนน้อยกว่าผู้เล่นหนึ่งอัน
2.หลักแต่ละหลักห่างกันประมาณ 5-6 เมตร
3.ดูวัยของผู้เล่นเป็นเกณฑ์
วิธีเล่นใช้เสาเรือนเป็นหลัก ผู้เล่นอย่างน้อย 3 คน
หลักมีจำนวนน้อยกว่าคนเล่นหนึ่งคน จะมีคนหนึ่งที่ไม่มีหลักจับ
ผู้เล่นทั้งหลายสมมุติเป็นลิง วิ่งเปลี่ยนหลักกันจากหลักโน้นไปหลักนี้ ลิงที่ไม่มีหลักต้องคอย
4
ชิงหลักให้ได้ ถ้าชิงหลักของใครได้
คนนั้นต้องเป็นลิงหลักลอย คอยชิงหลักต่อไป การเล่นชนิดนี้ฝึกความสังเกต ความว่องไว
ความมีไหวพริบ และเป็นการออกกำลังกายอย่างดี การเล่นลิงชิงหลักนี้มีในภาคใต้ บางทีก็เรียกว่า
"หมาชิงเสา"
ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เรียกว่า "จ้ำหนูเนียม" วิธีเล่นแตกต่างออกไป
คือมีบทร้องประกอบว่า "จ้ำหนูเนียมมาเตรียมถูกหลัก" ผู้ที่ไม่มีหลักเรียกว่า คนจ้ำ จะร้องบทร้องบทนี้แล้วชี้ไปยังหลักต่างๆ
ถ้าคำว่า "หลัก" ไปตกที่คนใด คนนั้นต้องรีบเปลี่ยนเสา คนอื่นจะวิ่งไปจับหลักและเสาต้นอื่น
คนจ้ำก็ต้องพยายามแตะตัวคนวิ่งให้ได้ ถ้าใครถูกแตะตัวก็ต้องเป็นคนจ้ำแทน
วิ่งเปรี้ยว
จำนวนผู้เล่น 6-8 คนขึ้นไป
อุปกรณ์ 1.ผ้า 2 ผืน 2.หลักปักห่างกัน
10 เมตร
วิธีเล่น แบ่งเพื่อนออกเป็น 2
ฝ่ายให้แต่ละฝ่ายยืนเข่าแถวหลังหลักโดยคนแรกถือผ้าไว้คนละผืนเริ่มโดยคนถือผ้ายืนข้างหลักพอกรรมการให้สัญญาณก็ออกวิ่งพร้อมกันวิ่งให้เร็วที่สุดไปอ้อมหลักของอีกฝ่ายเพื่อกลับมายังหลักของตนแล้วส่งผ้าให้เพื่อนคนต่อไปที่ยืนรอรับอยู่ต้องส่งผ้าหลังหลักและส่งมือต่อมือห้ามยื่นมือออกมารับผ้าหน้าหลักห้ามโยนผ้าให้กันเมื่อเพื่อนรับผ้าได้แล้วก็วิ่งอ้อมหลักของอีกฝ่ายเช่นเดิมถ้าฝ่ายใดสามารถวิ่งได้เร็วจนไล่ทันแล้วเอาผ้าตีอีกฝ่ายได้เป็นฝ่ายชนะขณะที่วิ่งถ้าผ้าหล่นจากมือผู้วิ่งต้องเก็บผ้าอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งต่อ
ลิงชิงบอล
จำนวนผู้เล่น
5 คนขึ้นไป
อุปกรณ์
ลูกบอล 1 ลูก
วิธีเล่น ผู้เป็นลิง 1
คนโดยการจับไม้สั้นไม้ยาวมีบอล 1
ลูกผู้เป็นลิงจะยืนตรงกลางที่เหลือจะยืนเป็นวงกลมล้อมรอบลิงในรัศมีที่กำหนดไม่กว้างนักคนใดคนหนึ่งถือลูกบอลส่งลูกบอลให้กับใครก็ได้ที่ยืนเป็นวงกลมด้วยการโยนการยื่นอย่างไรก็ตามลิงจะชิงบอลจากมือของผู้ถือบอลก็ได้หรือขณะที่ส่งบอลให้กับผู้อื่นแล้วลิงกระโดดรับลูกบอลปัดลูกบอลหรืออย่างใดอย่างหนึ่งที่ทำให้ร่างกายหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของลิงโดนลูกบอลคนสุดท้ายที่จับลูกบอลจะต้องเป็นลิงแทนคนเป็นลิงจะได้ไปยืนล้อมวงจากนั้นจะเริ่มส่งลูกบอลใหม่ลิงจะชิงบอลเล่นเช่นนี้จนกว่าจะเลิกเล่น
5
ขี่ม้าส่งเมือง
จำนวนผู้เล่น 6-8 คน
อุปกรณ์
สนามหรือลานบ้าน
วิธีเล่นแบ่งผู้เล่นเป็น 2
ฝ่ายเท่าๆกันและจะมีผู้เล่น 1 คนเป็น“เจ้าเมือง”แต่ละฝ่ายจะผลัดกันเดินมากระซิบบอกชื่อผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามคนหนึ่งกับเจ้าเมืองจากนั้นอีกฝ่ายหนึ่งก็ต้องส่งผู้เล่นคนหนึ่งออกมาหาเจ้าเมืองบ้างหากคนที่ออกมาตรงกับชื่อที่อีกฝ่าย
เจ้าเมืองก็จะร้องว่า “โป้ง”ผู้เล่นที่ถูกโป้งต้องถูกเป็นเชลย
ฝ่ายใดถูกจับเป็นเชลยหมดก่อน ก็ต้องแพ้กลายเป็นม้าให้ฝ่ายชนะขี่หลัง
ม้าก้านกล้วย
จำนวนผู้เล่นตั้งแต่
2 คนขึ้นไป
อุปกรณ์
1.ก้านกล้วย 2.มีด 3.ไม้กลัด 4.เชือกหรือเชือกฟางก็ได้แล้วแต่เราจะสะดวกในการหา
วิธีเล่น
เลือกใบกล้วยที่มีความยาวพอเหมาะ เอามีดเลาะเอาใบกล้วยออก เหลือไว้ที่ปลายใบเล็กน้อยเพื่อให้เป็นหางม้า
ที่ก้านโคนจะมีขนาดใหญ่เกือบเท่าข้อมือของเด็กๆ ด้านนี้เอง
เด็กๆจะกะความยาวประมาณหนึ่งคืบ หรือสองคืบ
แล้วเอามีดฝานแฉลบด้านข้างของก้านตรงที่กะไว้ ฝานบางๆไปทางด้านโคนทั้งสองข้าง
เพื่อให้เป็นหูม้า พอได้ขาดหูยาวตามต้องการแล้วก็เอามือหักก้านกล้วยตรงที่กะจะให้เป็นโคนหูม้า
ก้านกล้วยก็จะกลายเป็นรูปม้ามีหูชันขึ้นทั้งสองข้าง
เสร็จแล้วก็เอาแขนงไม้ไผ่มาเสี้ยมปลายให้แหลม ความยาวประมาณคืบเศษ
เสียบหัวม้าที่พับเอาไว้เสียบทะลุไปที่ก้าน
ไม่ที่เสียบก็จะมีลักษณะเหมือนไม้บังเหียนที่ผูกปากม้ากับคอม้า
เสร็จแล้วก็ทำเชือกกล้วยมาผูกด้านหัวม้าและหางม้า ทำเป็นสายสะพายบ่า แค่นี้ก็เสร็จ
หาแขนงไม้ไผ่มาหนึ่งอัน ทำเป็นแซ่ขี่ม้า แคนี้ก็พร้อมจะเล่นม้าก้านกล้วยได้แล้ว
การละเล่นเป่ากบ
จำนวนผู้เล่น
2 คนขึ้นไป
อุปกรณ์
1.ยางวง(ยางเส้น)วงใหญ่หรือวงเล็กก็ได้แล้วแต่ความชอบละความถนัด
2.สถานที่ เช่น พื้นซีเมนต์
พื้นกระดาน หรือพื้นโต๊ะ
วิธีเล่น เป่ากบเป็นการละเล่นของเด็กที่เล่นกันในร่มเล่นได้ทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายเด็กๆจะเรียกยางวงที่ตัวเองจะเป่าว่าอีเต(หมายถึงยางที่ตัวเองมั่นใจว่าเป่าดีที่สุด)แล้วตั้งกติกาว่าถ้าเป่ายางกบกันได้จะได้กันครั้งละกี่เส้นอาจจะเป็นครั้งละ
5 เส้นหรือ 10 เส้นก็แล้วแต่เด็กๆจะตกลงกัน ผู้เล่นมีจำนวน 2 คน
หรือเป็นทีมก็ได้สถานที่เล่นในที่ร่มใช้พื้นที่เรียบๆ เช่น พื้นซีเมนต์ พื้นกระดานหรือพื้นโต๊ะ
ซึ่งผู้เล่นจะเอายางเส้นจะเป็นวงเล็กหรือเป็นวงใหญ่หรืออาจจะเป็นวงสีต่างๆอยู่ที่ความชอบ
ได้แก่ สีเขียว สีแดง สีน้ำตาล เป็นต้น นำมาวางบนพื้นคนละ 1
เส้นให้อยู่ห่างกันประมาณคนละ 1 ฟุต
ผู้เล่นจะผลัดกันเป่ายางเส้นของต้นไปข้างหน้าทีละน้อยๆจนยางเส้นทั้งสองมาอย่าใกล้กับผู้เล่นคนใดเป่าให้ยางเส้นของตนไปทับยางเส้นของฝ่าย
6
ตรงข้ามได้ก็จะเป็นผู้ชนะฝ่ายแพ้จะต้องจ่ายรางวัลให้กับผู้ชนะซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นยางเส้นแต่อาจจะให้รางวัลอื่นๆก็ได้ตามแต่จะตกลงกัน
การละเล่นว่าว
จำนวนผู้เล่น
ไม่จำกัดจำนวน
อุปกรณ์
ว่าวโดยทั่วไปมีโครงสร้างประกอบด้วยไม้ไผ่สีสุกนำมาผ่าแล้วเหลาให้ได้ตามที่ต้องการแล้วนำมาประกอบกันให้เป็นรูปทรงต่างๆผูกติดกันด้วยเชือกโยงยึดกันเป็นโครงสร้างและปิดด้วยกระดาษชนิดบางเหนียว
เช่น กระดาษสาและตกแต่งลวดลายด้วยจุดหรือดอกดวงเพื่อปิดยึดกระดาษกับเชือกให้แน่นว่าวที่นิยมกันคือ ว่าวจุฬา ซึ่งมีโครงสร้างประกอบด้วยไม้ไผ่สีสุก
5 ชิ้นมีจำปา 5 ดอก ทำด้วยไม้ไผ่ยาว 8 นิ้วเหลากลมโตประมาณ 3 มิลลิเมตร จำปา
1ดอกมีจำนวนไม้ 8
อันมัดแน่นกับสายปานที่ชักว่าวจุฬาอันเป็นอาวุธที่ใช้ต่อสู้กับปักเป้า
ว่าวปักเป้า
มีโครงสร้างประกอบด้วยไม้ไผ่สีสุกเหลากลม 2 ชิ้นมีเหนียงเป็นเชือกยาว 8
เมตรผูกปลายทั้ง 2
ข้างให้หย่อนเป็นสายรูปครึ่งวงกลมเพื่อคล้องตัวว่าวจุฬาให้เสียสมดุลจนตกลงพื้นดิน
ว่าวหง่าวทำด้วยโครงไม้ไผ่ปิดกระดาษสาลำตัวตอนบนมีรูปคล้ายอกว่าวจุฬามีเอวคอดและท่อนล่างกว้างกว่าท่อนบนตอนส่วนหัวมีไม้ไผ่เหลาและขึงเชือกเหมือนคันธนูส่วนขึงเชือกนี้จะเกิดเสียงเมื่อต้องลมเสียงนี้ช่วยกำจัดความชั่วร้ายได้
ปัจจุบันว่าวที่มีการเล่นกันโดยทั่วไปได้มีการพัฒนารูปแบบการเล่นเพื่อความสวยงามโดยทำว่าวให้เป็นรูปแบบที่แปลกแตกต่างกันออกไปเป็นรูปสัตว์ต่างๆ
เช่น ว่าวงู ว่าวผีเสื้อ ฯลฯ
วิธีเล่น
1.ชักว่าวให้ลอยลมปักอยู่กับที่เพื่อดูความสวยงามของว่าวรูปต่างๆ
2.บังคับสายชักให้เคลื่อนไหวได้ตามต้องการนิยมกันที่ความสวยงาม
ความสูง และบางทีก็คำนึงถึงความไพเราะของเสียงว่าวอีกด้วย
3.การต่อสู้ทำสงครามกันบนอากาศ
คือ การแข่งขันว่าวจุฬาและว่าปักเป้าคว้ากันบนอากาศจะจัดให้มีการแข่งขันกันที่บริเวณท้องสนามหลวงกำหนดแดนขณะทำการแข่งขันว่าวปักเป้าจะขึ้นอยู่ในแดนของตนล่อหลอกให้ว่าวจุฬามาโฉบเพื่อจะลากพามายังแดนของตนโดยให้ว่าวปักเป้าติดตรงดอกจำปาที่ติดไว้เมื่อติดแน่นดีแล้วว่าวจุฬาจะรีบลากรอกพามายังดินแดนของตนขณะเดียวกันว่าวปักเป้าก็จะพยายามใช้เหนียงที่เป็นเชือกปานคล้องตัวว่าวจุฬาให้เสียสมดุลและชักลากดึงให้ตกลงมายังดินแดนของตนในการเล่นว่าวจุฬาลากพาว่าวปักเป้าเข้าทีละตัวหรือหลายตัวก็ได้ถ้าต่างฝ่ายต่างนำคู่แข่งขันมาตกยังดินแดนของตนเองได้ก็ถือว่าเป็นฝ่ายชนะแต่ถ้าขณะชักลากพามาว่าวปักเป้าขาดลอยไปได้ถือว่าไม่มีฝ่ายใดได้คะแนน
7
บทที่ 3
วิธีการดำเนินงาน
ขั้นตอนการดำเนินงาน
1.ผู้ศึกษานำเสนอหัวข้อรายงานต่ออาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อขอคำแนะนำและกำหนดขอบเขตในการทำรายงาน
2.ผู้ศึกษาร่วมกันประชุมวางแผนวิเคราะห์ตามหัวข้อวัตถุประสงค์ของรายงาน
3.ผู้ศึกษาร่วมกันค้นคว้าจากหนังสือต่างๆดังนี้
หนังสือเรียน หนังสือการละเล่นพื้นเมืองของชาวไทย
4.ศึกษาและเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์และสรุปเนื้อหา
5.นำเสนอผลงานต่ออาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อรายงานผลการดำเนินงาน
อุปกรณ์และวัสดุที่ใช้ในการศึกษา
1.ปากกา
2.ดินสอ
3.ยางลบ
4.ไม้บรรทัด
5.ปากกาลบคำผิด
6.กระดาษA4
7.คอมพิวเตอร์
8.เครื่องปริ้นเตอร์
9.สันปก
8
บทที่ 4
ผลการดำเนินงาน
ความหมายของการละเล่นของเด็กไทย
การละเล่นของไทยหมายถึง
การเล่นดั้งเดิมของเด็กและผู้ใหญ่เพื่อความบันเทิงใจทั้งที่เป็นการเล่นที่มีกติกาและไม่มีกติกาที่มีบทร้องประกอบจังหวะหรือไม่มีบทร้องประกอบจังหวะบางทีก็มีท่าเต้นท่ารำประกอบเพื่อให้งดงามและสนุกสนานมากขึ้นทั้งผู้เล่นและผู้ชมมีส่วนร่วมสนุก
คำว่า การละเล่น
เป็นคำที่เกิดขึ้นใหม่เชี่ยวชาญทางภาษาไทยบางท่านกล่าวว่าเป็นการปรับเสียงคำว่า
การเล่นให้ออกเสียงง่ายขึ้นผู้เชี่ยวชาญกรมศิลปากรให้ความหมายกว้างออกไปถึงการเล่นเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ให้เกิดความรื่นเริงบันเทิงใจหลังจากประกอบกิจวัตประจำวันและการเล่นในเทศกาลท้องถิ่นหรืองานมงคลบ้าง
อวมงคลบ้าง เช่น เพลงพื้นเมือง ละคร ลิเก ลำตัด หุ่น หนังใหญ่ฯลฯ
ที่มาของการละเล่นของเด็กไทย
1.การเล่นของเด็กไทยเท่าที่ปรากฏเป็นหลักฐานมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย
2.หมากเก็บเป็นการละเล่นในภาคกลางเชื่อว่ามีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
3.มอญซ่อนผ้าเป็นการละเล่นในสมัยอยุธยานิยมเล่นในงานเทศกาลต่างๆโดยเฉพาะเทศกาลตรุษสงกรานต์มอญซ่อนผ้าเป็นการละเล่นของภาคเหนือ
4.ลิงจับหลักหรือลิงชิงหลักเป็นการละเล่นของภาคกลางมักเล่นในเวลาว่างในช่วงเช้า-เย็นเล่นเพื่อความสนุกสนาน
5.วิ่งเปรี้ยวเป็นการละเล่นของภาคกลางมักเล่นในเวลาว่างเพื่อความสนุกสนาน
6.ลิงชิงบอลเป็นการละเล่นของภาคกลางมักเล่นในเวลาว่างจากภารกิจต่างๆเพื่อความสนุกสนานและเพื่อออกกำลังกาย
7.ขี่ม้าส่งเมืองเป็นการละเล่นสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นเป็นการละเล่นของภาคเหนือนิยมเล่นในเวลาว่างจากภารกิจต่างๆ
8.ม้าก้านกล้วยเป็นการละเล่นของภาคกลางมักเล่นในเวลาว่างเพื่อความสนุกสนาน
9.การละเล่นเป่ากบเป็นการละเล่นพื้นบ้านของภาคใต้มักเล่นในเวลาว่างเป็นการฝึกความรักความสามัคคี
10.การละเล่นว่าวเป็นกีฬาพื้นบ้านของภาคกลางหรือมักจะเล่นในทุกๆภาคของประเทศไทยและจะเล่นในเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายนเพราะเป็นช่วงที่ลมพัดแรงและมักจะเล่นในเวลาว่างจากการทำภารกิจต่างๆ
9
ความสำคัญของการละเล่นของเด็กไทย
1. เพื่อให้เด็กไทยหันมาสนใจการละเล่นแบบไทยเพื่อไม่ให้การละเล่นของไทยสูญหายไป
2. เพื่อให้เด็กไทยใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
3. เพื่อให้เด็กไทยเห็นคุณค่าและความสำคัญของการละเล่นมากขึ้น
4. เพื่ออนุรักษ์และสืบทอดวัฒนธรรมไทยให้สืบต่อไปยาวนาน
10
บทที่ 5
สรุป อภิปราย
และข้อเสนอแนะ
สรุปผลการศึกษา
จากการทำรายงานวิชา Is
เรื่องการละเล่นของเด็กไทยได้มีการสำรวจความพึงพอใจจากนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายและจากผลการสำรวจจะเห็นได้ว่าผู้ประเมินมีความพึงพอใจในผลงานและการนำเสนอซึ่งจัดว่าอยู่ในระดับเกณฑ์ดีเป็นส่วนใหญ่อีกทั้งยังมีความพึงพอใจในเนื้อหาสาระได้รับความสนุกสนานจากการทำกิจกรรมมีความรู้ในเรื่องเกี่ยวกับการละเล่นของเด็กไทยมากยิ่งขึ้นอีกทั้งยังสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในโอกาสต่างๆในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสมนอกจากนี้ยังได้รับความพึงพอใจในความเหมาะสมที่จัดเป็นสื่อการเรียน
การจัดทำรายงานเรื่องการละเล่นของเด็กไทยสามารถสรุปได้ดังนี้
1.ได้ความรู้เกี่ยวกับการละเล่นของเด็กไทย
2.ได้รับความรู้เกี่ยวกับการละเล่นของเด็กไทยและหันมาสนใจการละเล่นของเด็กไทยมากยิ่งขึ้น
3.เด็กไทยรู้จักวิธีการละเล่นของไทยและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
อภิปรายผล
จากการศึกษาค้นคว้ารายงานเรื่อง
การละเล่นของเด็กไทย
การละเล่นของเด็กไทยหมายถึงการละเล่นดั้งเดิมของเด็กและผู้ใหญ่เพื่อความบันเทิงใจทั้งที่เป็นการเล่นที่มีกติกาและไม่มีกติกามีบทร้องประกอบจังหวะหรือไม่มีบทร้องประกอบจังหวะ
ข้อเสนอแนะ
1.ควรมีการจัดทำสื่อการเรียนการสอนในเรื่องอื่นๆอีก
2.ควรหาการละเล่นที่นิยมในปัจจุบัน
3.ควรปลูกจิตสำนึกให้เด็กไทยหันมาเล่นการละเล่นของไทยเพื่อเป็นการอนุรักษ์การละเล่นของไทยให้คงอยู่ต่อไป
11
บรรณานุกรม
1.นลิน
คู.การละเล่นของเด็กไทย.กรุงเทพฯ:ศูนย์หนังสือแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,2547.
2.วิราภรณ์
ปนาทกูล.การละเล่นของเด็กไทยกับการเรียนการสอน.กรุงเทพฯ:สุวีริยาสาส์น,2531.
3.โอม
รัชเวทย์.การละเล่นของเด็กไทย.กรุงเทพฯ:แสงแดดเพื่อนเด็ก,2552.
4.WWW.Chidthai.org/thaiplayr/thaiplay.htm.2556.
5.WWW.Swdschool.com.2556.
ชัยวิสิทธิ์ : เหตุผลใดนักเรียนจึงเลือกที่จะศึกษาเรื่องนี้
ตอบลบเพราะเป็นเรื่องที่สนุกน่าสนใจน่าค้นหาน่าตื่นเต้นทำให้รู้เรื่องราวของการละเล่นต่างๆ
ลบพีระพงษ์ : การละเล่นของเด็กไทย หมายถึงอะไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร
ตอบลบนุชนารถ : นักเรียนเคยละเล่นพื้นบ้านอะไรบ้างและมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการละเล่นแบบนั้น
ตอบลบพรรณธิชา : การละเล่นเมื่อสมัยก่อนกับการละเล่นปัจจุบันในความคิดของนักเรียนนักเรียนชอบแบบไหนจงอธิบาย
ตอบลบสมัยก่อนเพราะมีความสนุกสนานทุกคนไม่สนใจในเทคโนโลยีใหม่ๆทำให้เพลิดเพลินมีเวลาว่างในการทำงานก็จะสนุกมากขึ้น
ลบศิริพร : ทำอย่างไรเด็กรุ่นใหม่จะหันมาสนใจการละเล่นพื้นบ้านของไทยให้มากกว่านี้
ตอบลบสุธาสินี : นักเรียนคิดว่าการละเล่นสมัยปัจจุบันของเด็กไทยมีข้อดีข้อเสียอย่างไร
ตอบลบข้อดีคือทันยุคทันสมัยกับปัจจุบันมากขึ้นและเทคโนดลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง
ลบข้อเสียคือการมีเทคโนโลยีสมัยปัจจุบันทำให้เด็กไทยติดเกมจนลืมวัฒนธรรมเก่าๆและการละเล่นของเด็กไทย
ฐิติมา : นักเรียนได้อะไรบ้างจากการศึกษาเรื่องนี้และจะนำความรู้ที่ได้รับไปใช้หรือทำประโยชน์อย่างไร
ตอบลบใช้ในการเรียนรู้ต่างๆการศึกษาทางประวัติศาสตร์การทำรายงานประวัติศาสตร์
ลบ